09 Nov เสพย์งานศิลป์ที่ The Art Institute of Chicago
The Art Institute of Chicago เป็นพิพิธภัณฑ์ที่มีชื่อเสียงโด่งดังมากแห่งหนึ่ง ถูกจัดให้เป็นหนึ่งในพิพิธภัณฑ์ที่เก่าแก่และใหญ่ที่สุดในประเทศสหรัฐอเมริกา ก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 1879 ตั้งอยู่ที่ Grant Park เมืองชิคาโก้ มีผู้มาเยี่ยมชมปีละประมาณ 1.5 ล้านคน เป็นสถานที่เก็บสะสมผลงานศิลปะเกือบทุกแขนงไม่ว่าจะเป็นงานจิตรกรรม งานประติมากรรม งานภาพถ่าย ไปจนถึงตัวอย่างงานสถาปัตยกรรม มีผลงานศิลปะถาวรที่ถูกเก็บไว้ที่นี่เกือบ 300,000 ชิ้น และยังมีนิทรรศการหมุนเวียนมากกว่า 30 งานมาให้ชมตลอดทั้งปี อย่างเช่น งาน Van Gogh’s Bedroom เป็นต้น
ถ้าใครได้แวะมาแถว Downtown ละก็ สถานที่แห่งนี้ไม่ควรพลาดเป็นอย่างยิ่งเพราะก่อนที่จะเดินมาถึงตัวพิพิธภัณฑ์ เราต้องเดินผ่าน Millennium Park ที่มีแลนด์มาร์คสุดเก๋อย่าง The Bean ซะก่อน เมื่อเดินตามถนน Michigan ไปเรื่อยๆก็จะได้เจอกับสะพานลอยฟ้า Nichols Bridgeway ที่เชื่อมระหว่างทางเดินในสวนสาธารณะกับบริเวณชั้น 2 ของพิพิธภัณฑ์ จากนั้นก็เดินลงบันไดเลื่อนไปที่ชั้นล่างเพื่อทำการซื้อบัตรผ่านและเข้าชมบริเวณด้านในกันได้เลย
บรรยากาศวิวจากบริเวณสะพานเชื่อมลอยฟ้า ที่เห็นอยู่ลิบๆคือทะเลสาบมิชิแกน ด้านขวาคือพิพิธภัณฑ์ส่วนของตึก Modern Wing ส่วนด้านซ้ายก็คือสวนสาธารณะ Millennium Park นั่นเอง วันที่สภาพอากาศดีก็จะมีหน้าตาเป็นเช่นนี้ล่ะ สดชื่นเนอะ
สถาปัตยกรรมของตัวอาคารฝั่ง Modern Wing ออกแบบโดย Renzo Piano สถาปนิกชื่อดังชาวอิตาเลียนผู้มีผลงานออกแบบมากมาย
ภายในอาคาร Modern Wing จะมีร้านขายหนังสือและของที่ระลึกน่ารักๆ มีทั้งงานจิวเวอรี่ อุปกรณ์เครื่องเขียนเก๋ๆ กระเป๋า ผ้าพันคอ เอาไว้ให้ขาช็อปทั้งหลายได้เพลิดเพลินกัน
โถงทางเข้าออกพิพิธภัณฑ์ชั้นหนึ่งมีลักษณะเป็นกระจกใสโดยรอบ ประกอบไปด้วยห้องจัดแสดงนิทรรศการพิเศษ อย่างเช่นงานแสดงภาพถ่าย และงานสถาปัตยกรรม มีห้องเรียนและใช้ทำกิจกรรมสำหรับสมาชิก ซึ่งในอาคารนี้จะเอาไว้เก็บรวบรวมงานศิลปะในช่วงต้นยุคศตวรรษที่ 20 และงานศิลปะร่วมสมัย
ที่ห้องจัดแสดงนิทรรศการพิเศษอย่างเช่น งานนิทรรศการผลงานของ David Adjaye สถาปนิกชาวกาน่า-บริติช ที่มีผลงานทางด้านสถาปัตยกรรมที่แตกต่างจากคนอื่นด้วยการนำเอาความเป็นแอฟริกันในตัวเค้ามาใช้ในงานระดับสากล และสิ่งที่น่าสนใจก็คือการที่เค้าสร้างอาคารสาธารณะที่สามารถเชื่อมต่อกับคนในพื้นที่ได้ด้วย
ในภาพคือตัวอย่างงานสถาปัตยกรรมจำลองพิพิธภัณฑ์ Smithsonian NMAAHC ที่ Washington DC ของ David Adjaye เป็นผลงานที่ได้รับรางวัลชนะเลิศการประกวดออกแบบพิพิธภัณฑ์ the National Museum of African American History and Culture โดยใช้แนวคิดของ “พระอาทิตย์ทรงกลด”มาใช้ในการออกแบบ รอบตัวอาคารพื้นที่ส่วนที่เป็นสีน้ำตาลแดงนั้นจะถูกตกแต่งด้วยทองแดงฉลุลาย เพื่อแสดงถึงงานฝีมือของชาวแอฟริกัน-อเมริกันและยังมีประโยชน์ในแง่ของการช่วยกรองแสงอาทิตย์ที่จะผ่านเข้าไปในตัวอาคารด้วย นอกจากนี้ยังมีผลงานอื่นๆของเค้าอีกหลายชิ้นที่นำมาจัดแสดงไว้ให้ชมกัน
ประติมากรรมที่ได้แนวความคิดมาจากเปลือกหอย ตั้งอยู่ที่บริเวณชั้น 2 ของ Modern Wing
ภาพงานศิลปะ Ohhh…Alright… ปี 1964
จาก Roy Lichtenstein ศิลปินแนว Pop Art ชาวอเมริกันที่โด่งดัง เชื่อมั้ยว่าภาพนี้มีมูลค่าสูงถึง $42.6 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ
Artist’s Studio “Foot Medication”, 1974
เทคนิคสีน้ำมันบนผืนผ้าใบ จาก Roy Lichtenstein เช่นกัน
ภาพงานศิลปะ Liz, 1964
เทคนิคสีอะคริลิคและซิลค์สกรีนบนผืนผ้าใบ จาก Andy Warhol ศิลปิน ผู้กำกับ และผู้สร้างชาวอเมริกันผู้นำในแนว Pop Art งานศิลปะของเค้าได้ถูกนำมาใช้ในงานโฆษณา งานที่นำดารามาเป็นแบบ แถมยังใช้ในสื่อหลายแขนงไม่ว่าจะเป็นงานเพนท์ งานภาพพิมพ์ ภาพถ่าย ภาพยนตร์และงานประติมากรรม ซึ่งนับว่าเป็นการสร้างมิติใหม่ให้วงการศิลปะเลยทีเดียว
บริเวณนี้จะเป็นงาน Product Design ซึ่งงานที่เห็นจะเป็นงานเฟอร์นิเจอร์ ทางพิพิธภัณฑ์ได้เก็บรวบรวมวิวัฒนาการของเก้าอี้ในยุคโมเดิร์น ตัวอย่างเช่น
Red-Blue Armchair ของ Gerrit Rietveld ตัวบนสุดซ้าย ทำจากไม้
LC4 Chaise Lounge ของ Le Corbusier แถวบนตัวที่สอง
เก้าอี้ Eames Lounge Chair Wood ของ Charles and Ray Eames แถวล่างตัวที่สองจากทางขวา ทำจากไม้ plywood
Tulip Chair ของ Eero Saarinen แถวล่างซ้ายสุด ทำจากไฟเบอร์กลาส
เมื่อเดินชมจนทั่วอาคาร Modern Wing แล้ว เราจะพาไปต่อที่ฝั่งอาคารพิพิธภัณฑ์เดิมที่มีผลงานศิลปะเจ๋งๆรออยู่อีกเพียบ ตามมากันเลย
โถงทางเชื่อมต่อระหว่างอาคาร Modern Wing และอาคาร Art Institute ออกแบบโดย Renzo Piano คนเดียวกันกับที่ออกแบบอาคาร Modern Wing ที่บริเวณนี้เป็นอาคารสไตล์ Victoria ประดับด้วยเสาโรมันและเพดานโค้ง เพื่อให้อาคารใหม่ที่เค้าออกแบบและตัวอาคารเก่าเป็นไปในทิศทางเดียวกัน เค้าจึงออกแบบให้มีกระจกกรองแสงอาทิตย์เอาไว้ป้องกันผลงานศิลปะที่อาคารด้านนี้ด้วย แบบเดียวกับที่ใช้ในตัวอาคาร Modern Wing
บริเวณด้านล่างนั้นใช้สำหรับแสดงผลงานศิลปะของชาวอินเดีย เอเชียตะวันออกเฉียงใต้และชาวหิมาลัย ส่วนบริเวณชั้นบน ณ ปัจจุบันใช้สำหรับเก็บภาพผลงานในยุค Impressionist และยุค Post-Impressionist
พอเราเดินขึ้นบันไดไปที่ชั้นบนของอาคาร Art Institute ก็จะได้เจอกับผลงานหลากหลายจากศิลปินชื่อดัง ซึ่งหนึ่งในงานที่เรารู้สึกว่า Impact มากเลยนั่นก็คือ ภาพผลงาน Masterpiece จากศิลปินชาวฝรั่งเศส Georges Seurat ผู้นิยมวาดภาพแนว Post Impressionist ส่วนภาพนี้มีชื่อว่า A Sunday Afternoon on the Island of La Grande Jatte ถูกวาดขึ้นในช่วงปี ค.ศ. 1884-86 เป็นภาพวาดสีน้ำมันบนผืนผ้าใบขนาด 2.08 x 3.08 ม. จัดว่าเป็นชิ้นงานที่ใหญ่มากเลยทีเดียว และผลงานชิ้นนี้ก็ยังได้เป็นผู้นำในการใช้เทคนิคการจุด Pointillism อีกด้วย มันน่าทึ่งตรงที่ว่าศิลปินจะต้องใช้ความพยายามอย่างสูงมากในการใช้จุดสีเล็กๆสร้างสรรค์ผลงานขนาดใหญ่ชิ้นนี้ออกมาได้ มีความละมุนละไมมากๆเลย
ภาพวาด Two Sisters (On the Terrace), 1881 ของศิลปินอิมเพรสชั่นนิสต์ชาวฝรั่งเศส Pierre-Auguste Renoir, ภาพนี้วาดด้วยเทคนิคสีน้ำมันบนผืนผ้าใบ
ภาพวาด Self-Portrait, 1887 ของ Vincent Van Gogh ศิลปินอิมเพรสชั่นนิสต์ชื่อดังชาวดัตช์ ที่เริ่มมีการใช้เทคนิคสีตัดกันอย่างเช่นการทำให้พื้นหลังเป็นสีน้ำเงินเขียวตัดกับสีของหนวดเคราและผมของเค้า
ภาพวาดของ Claude Monet ศิลปินชาวฝรั่งเศสคนแรกที่วาดภาพสไตล์อิมเพรสชั่นนิส ภาพวาดส่วนใหญ่ของเค้าจะเป็นภาพวิวทิวทัศน์ของชนบทในฝรั่งเศส ซึ่งโมเนต์ได้พัฒนาการวาดภาพของตัวเองด้วยการออกไปวาดรูปที่มุมเดิม สถานที่เดิม แต่ต่างเวลากัน เพื่อจะได้เก็บบันทึกบรรยากาศของแสง และฤดูที่เปลี่ยนแปลงไป
ทั้งหมดที่เอามาให้ดูนี่เป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งของพิพิธภัณฑ์เท่านั้น ยังมีงานศิลปะอีกเยอะมากที่รอให้เราได้เข้ามาเยี่ยมชมเรื่อยๆ เอาเป็นว่าสมัครสมาชิกรายปีไปเถอะคุ้มจริงๆ
บริเวณด้านหน้าของตัวอาคารจะมีสัญลักษณ์เป็นสิงโตสองตัวทำหน้าที่เป็นผู้พิทักษ์ของพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ ในช่วงเวลาเฉลิมฉลองของเมืองอย่างเช่น ทีม Blackhawk ของกีฬาฮอคกี้น้ำแข็ง และทีม Cubs ของกีฬาเบสบอล แข่งชนะ เค้าก็จะใส่หมวกประจำทีมให้กับสิงโตสองตัวนี้
หลังจากชมผลงานชิ้นเอกของโลกไปหลายชิ้นแล้วก็คงถึงเวลากลับบ้านไปพักผ่อน เอาไว้ค่อยมาเที่ยวเก็บความรู้เรื่องงานศิลปะกันใหม่รอบหน้าเนอะ
ค่าเข้าชมพิพิธภัณฑ์แบบธรรมดาจะอยู่ที่ครั้งละ $14
สมัคร Membership แบบรายปีราคาจะอยู่ที่ $105
สิทธิพิเศษมีดังนี้
-สามารถเข้าได้ตลอดทั้งปีไม่จำกัด พาเพื่อนเข้าได้ฟรีอีก 1 คน
-สามารถใช้บริการที่ Lounge บริเวณด้านล่างสุดได้ฟรี มีชากาแฟบริการพร้อม
-เด็กอายุต่ำกว่า 18 เข้าฟรี
-สามารถเข้าร่วม Workshop คลาสเรียน และกิจกรรมต่างๆอีกมากมาย สำหรับสมาชิกเท่านั้น
ข้อมูลเพิ่มเติมที่ >>> The Art Institute of Chicago
Chicago, IL
Napat K.
ชอบศึกษางานออกแบบสวยๆ อินสุดๆกับการถ่ายภาพแบบสแน็ปช็อตและชอบการท่องเที่ยวเป็นชีวิตจิตใจ
Latest posts by Napat K. (see all)
- เสพย์งานศิลป์ที่ The Art Institute of Chicago - 09/11/2017
- Nature and the city in Michigan - 21/10/2017
- Camping in Michigan - 14/10/2017
Sorry, the comment form is closed at this time.