ความสนุกและธรรมชาติอันสดชื่นของมิชิแกนยังมีให้ชมกันต่อ เราขับรถตามแผนที่กันมาเรื่อยๆ ได้ชื่นชมต้นไม้ ไร่เกษตรกรรมระหว่างทางมาตลอด จนมาถึงสถานที่ถัดไปที่อยู่ติดริมทะเลสาบอีกแห่งหนึ่ง คงเดาได้ไม่ยากว่าคือที่ไหนใช่มั้ยล่ะ

ใช่แล้ว ประภาคารนั่นเอง ที่แห่งนี้คือประภาคาร Old Mission Lighthouse ที่สร้างมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1870 อายุมากกว่าร้อยปีแล้วนะเนี่ย ตั้งอยู่ที่จุดสิ้นสุดของ Old Mission รูปทรงคล้ายบ้านน่ารักๆเหมือนกับประภาคารที่เราได้พาไปทำความรู้จักมาก่อนหน้านี้ แต่ต่างกันตรงที่เค้าใช้วัสดุเป็นไม้ระแนงทาสีขาว ซึ่งก็ให้อารมณ์ความรู้สึกอบอุ่นอีกแบบหนึ่ง แสงไฟจากประภาคารแห่งนี้สามารถมองเห็นได้จากระยะไกลถึง 21 กม. เมื่อมองจากท้องทะเล ทำหน้าที่ป้องกันไม่ให้เรือเข้าชนกับชายฝั่ง

ที่ประภาคารแห่งนี้ยังโด่งดังในฐานะที่ตั้งอยู่บนเส้นขนานที่ 45th หรือเรียกง่ายๆว่า ครึ่งทางระหว่างขั้วโลกเหนือและเส้นศูนย์สูตรซึ่งมีเพียงแค่ 29 แห่งทั่วสหรัฐอเมริกาที่ยังอยู่

ที่นี่ถูกใช้งานจนถึงปี ค.ศ. 1933 จากนั้นก็ถูกซื้อไปเป็นทรัพย์สินของรัฐมิชิแกน ในปัจจุบันได้มีเทคโนโลยีใหม่เข้ามาแทนที่การใช้แสงไฟจากประภาคารในการเฝ้าระวังชายฝั่งแล้ว ที่นี่จึงเปรียบเสมือนตัวแทนอดีตและเป็นพิพิธภัณฑ์เอาไว้ให้คนรุ่นหลังและเด็กๆได้มาศึกษาหาความรู้กันแทน

จากประภาคารเราก็พากันขับรถเข้าเมือง Traverse City ที่อยู่ไม่ไกล ในเมืองก็มีทั้งร้านอาหารฝรั่ง ร้านอาหารจีน คาเฟ่น่ารักๆ โรงหนัง และร้านขายของฝากอยู่เต็มไปหมด เราแวะทานข้าวที่ร้านแห่งหนึ่ง เดินเล่นช็อปปิ้งนิดหน่อย ได้ของฝากพอหอมปากหอมคอ อย่างเช่น แยมจากร้าน American Spoon ที่จัดว่าเป็นของฝากขึ้นชื่อของ Michigan เลยทีเดียว ช็อปปิ้งไทม์หมดก็ได้เวลาขับรถกลับบ้าน ซึ่งทั้งสองข้างทางนั้นก็ยังคงให้ความประทับใจไม่รู้ลืมด้วยสีสันโทนอบอุ่น เหลือง ส้ม แดง เขียวจากใบไม้สลับกันไป ส่งท้ายความทรงจำดีๆไว้ให้คิดถึง

ที่มิชิแกนนั้นมีธรรมชาติให้ชม มีประภาคารหลากหลายให้ได้ศึกษา อากาศในฤดูใบไม้ร่วงเย็นกำลังดี บริเวณรอบๆให้อารมณ์แบบชนบท เรียบง่ายเข้าถึงง่าย มีต้นไม้หนาแน่นตลอดเส้นทาง มองไปมุมไหนก็จะเจอทะเลสาบสีฟ้าสดใส เรียกว่าความธรรมชาติมาเต็ม ให้ทั้งความรู้สึกสดชื่น สดใสและสุขใจที่ได้มาเยือน ณ ที่แห่งนี้

เยี่ยมชมมิชิแกนพาร์ท 1 >>> ตามหาใบไม้เปลี่ยนสีที่มิชิแกน

เยี่ยมชมมิชิแกนพาร์ท 2>>>Camping in Michigan

Michigan