เรียนดีไซน์เพิ่มเติมที่ School of the Art Institute of Chicago - DayinUS
1106
post-template-default,single,single-post,postid-1106,single-format-standard,ajax_fade,page_not_loaded,,qode_grid_1300,vss_responsive_adv,footer_responsive_adv,qode-content-sidebar-responsive,columns-4,qode-child-theme-ver-1.0.0,qode-theme-ver-10.1.1,wpb-js-composer js-comp-ver-5.0.1,vc_responsive

เรียนดีไซน์เพิ่มเติมที่ School of the Art Institute of Chicago

เมื่อมีโอกาสได้มาเรียนฝึกภาษาที่อเมริกาแล้ว เราก็อยากจะหาความรู้เพิ่มเติมในด้านที่เรียนมาด้วยนั่นก็คือ การเรียนเกี่ยวกับงาน Design ซึ่งเราอยากจะเรียนเป็นคอร์สสั้นๆเอาไว้เพิ่มเติมแนวคิดให้ตัวเอง และเผื่อจะได้เจอเพื่อนใหม่ที่ชอบงานสายนี้ด้วย เราจึงลองหาข้อมูลดูหลายๆที่บนเว็บไซท์ อย่างเช่น Truman และ Harold Washington ที่เป็นวิทยาลัยของรัฐ หรือที่เราเรียกันว่า City College และอีกที่ที่น่าสนใจคือที่ School of the Art Institute of Chicago

School of the Art Institute of Chicago

เค้าเรียกกันย่อๆว่า SAIC เป็นสถาบันสอนศิลปะที่เปิดมานานตั้งแต่ปี ค.ศ. 1886 อายุเกินร้อยปีเลยทีเดียว นอกจากนี้ที่นี่ยังเกิดและเติบโตมาพร้อมกับพิพิธภัณฑ์ The Art Institute of Chicago อันโด่งดังด้วย จึงมีเครดิตทางด้านสายอาร์ทดีกว่าที่อื่นๆ และราคาค่าเรียนก็ไม่ต่างกันมาก อยู่ที่ $585 ต่อหนึ่งวิชา แถมสถานที่ตั้งก็เดินทางได้สะดวก อยู่ใจกลางเมืองที่เรียกกันว่า Loop หรือจะเรียก Downtown ก็ได้ เราเลยคิดว่าที่นี่แหละตอบโจทย์ที่สุด

Continue Studies

หลักสูตรที่เราเรียนนั้นเรียกว่า Continue Studies เป็นส่วนของ Adult Program คือเป็นหลักสูตรการเรียนการสอนสำหรับผู้ใหญ่ นักศึกษาจะเป็นใคร อายุเท่าไหร่ ก็สามารถมาเรียนได้ แต่ต้องเป็น Resident เป็นคนที่อาศัยอยู่ที่นี่ และถ้าหากเป็นนักเรียนนานาชาติก็สามารถเข้าเรียนได้ แต่โรงเรียนจะไม่ออกเอกสารรับรองสถานะให้ หรือที่รู้จักกันในชื่อว่าเอกสาร I-20 นั่นเอง ยกตัวอย่างให้เข้าใจง่ายๆก็อย่างเช่นว่า เรามาเรียนมีสถานะนักเรียนอยู่ที่โรงเรียนภาษา CSI แล้วถ้าเราอยากย้ายมาเรียนหลักสูตร Continue Studies ของที่ SAIC แบบที่ได้ใบ Certificate แทนนั้น ก็บอกเลยว่าทำไม่ได้ สิ่งที่เราทำก็คือเรียนมันทั้ง 2 ที่เลย อาจจะแบ่งเวลาเป็นเรียนภาษาวันเสาร์ อาทิตย์ และลงเรียนคอร์สดีไซน์สั้นๆเสริมไปด้วยในวันธรรมดา สัปดาห์ละ 1 วัน แบบนี้ก็ไม่เป็นปัญหา

ถ้าใครอยากเรียนแบบได้ใบประกาศหรือ Certificate ด้วย ก็ต้องลงเรียนให้ครบทุกวิชาตามหลักสูตรของแต่ละสาขาวิชาที่เค้ากำหนดไว้ หลายคนลงเรียนเพื่อต่อยอดอาชีพในอนาคต หรือบางคนอาจจะอยากเปลี่ยนสายงานมาทำแนวงานออกแบบบ้าง

สำหรับหลักสูตร Certificate Program สาขาวิชาที่เปิดสอนมีดังนี้

  • Certificate in Studio Art and Design
  • Drawing Certificate
  • Fashion Certificate
  • Graphic Design Certificate
  • Illustration Certificate
  • Interior Design Certificate
  • Painting Certificate
  • Web Design Certificate

ตามมาดูรายละเอียดได้ที่นี่ >>> Certificate Program

Graphic Design

หลังจากที่เราลองดูรายละเอียดในเว็บไซท์ส่วนของ Graphic Design ก็ได้พบว่าทั้งหมดในนั้นเป็นวิชาที่สอนความรู้เบื้องต้นซะเป็นส่วนใหญ่ หลักๆคือเค้าจะสอนพื้นฐานให้สำหรับคนที่อยากเปลี่ยนสายงาน ซึ่งเรามีความรู้อยู่แล้ว (เราเรียนจบออกแบบผลิตภัณฑ์แต่ทำงานด้านกราฟฟิค) แต่ก็ยังอยากจะหาประสบการณ์เพิ่มเติม จนสุดท้ายเราเลือกวิชา Portfolio Preparation เอาวะ อย่างน้อยเราก็จะได้ Portfolio ติดมือกลับบ้านบ้าง แล้วก็ได้เพื่อนเพิ่มด้วยนะ

ในตึก the Sharp ตั้งอยู่บนถนน (37 S. Wabash Ave.) ด้านล่างจะเป็นห้องจัดนิทรรศการของนักศึกษา บริเวณชั้น 2 จะเป็นห้องขายอาหารและเครื่องดื่ม แถมยังมีเก้าอี้ โต๊ะ มีมุมให้เลือกนั่งได้ตามอัธยาศัย ถ้าใครเข้ามาในนี้แล้วเจอคนแต่งตัวแปลกๆ ทรงผมสีปี๊ดๆ ก็ไม่ต้องตกใจนะ มันเป็นสไตล์ของเด็กสายอาร์ทอยู่แล้ว ส่วนชั้นบนๆจะเป็นห้องสมุด และเป็นห้องเรียน

Portfolio Prep

วิชาที่เราเรียนมีคนประมาณ 8 คน ขนาดห้องเรียนก็ไม่เล็กไม่ใหญ่ มีคอมพิวเตอร์ให้ 15 เครื่อง วันแรกที่เราไปเรียนอาจารย์ทำหน้างงมาก ว่าเราเป็นใครมาจากไหนเพราะทุกคนที่อยู่ในห้องคือคนที่ผ่านการเรียนมาด้วยกันหลายคลาสเรียนแล้ว และที่น่าประหลาดใจกว่านั้นคือเราเป็นเด็กใหม่ แต่ดันเลือกเรียนวิชาสุดท้ายสำหรับจบโปรแกรม แอดวานซ์ไปอีก เราก็เลยบอกไปว่าเรามาจากเมืองไทย เป็น International Student เรียน English Program อยู่อีกโรงเรียนหนึ่ง อยากมาเรียนเรื่องงานดีไซน์เพิ่มเติมบ้าง เลยมาลงเรียนวิชานี้ จบสำหรับการแนะนำตัว

จากนั้นอาจารย์ก็สอนว่าการทำ Portfolio ณ ปัจจุบันเค้าทำยังงัยกัน แตกต่างจากเมื่อก่อนอย่างไรบ้าง หลักการในการทำ Portfolio มีอะไรบ้าง และอื่นๆอีกมากมาย สิ่งที่เค้าย้ำนักหนานั่นก็คือการสร้างพอร์ทแบบที่ไม่ได้ทำเพื่อลูกค้า แต่ทำเพื่อตัวเอง จะได้ไม่ต้องมีข้อกำหนดกฎเกณฑ์อะรมากมาย สามารถโชว์ฝีมือได้อย่างเต็มที่

วันแรกที่เรียนนั้นเป็นวันเดียวที่ได้เรียนหลักการ ได้จดเลคเชอร์ ส่วนคาบเรียนที่เหลือคือเค้าให้ต่างคนต่างนั่งทำ Portfolio ของตัวเอง ให้เลือกทำคนละไม่เกิน 2 โปรเจ็กต์เพราะกลัวจะเสร็จไม่ทันโดยมีอาจารย์เป็นคนคอยให้คำแนะนำ เราเอางานเก่าๆที่เคยทำมาให้เพื่อนในห้องดู มีคนนึงถามขึ้นมาว่า What are you doing here? เธอมาทำอะไรที่นี่เนี่ย เราก็แบบอ๋อ เราเป็นกราฟฟิคดีไซน์เนอร์อยู่แล้ว ก็อยากมาเรียนสนุกๆ มาหาเพื่อน ถ้ามีปัญหาเรื่องงานกราฟฟิคถามเราได้นะ โดยเฉพาะงานแพคเกจ ยินดีช่วยเสมอ ดูสวยไปอีก

เราเลือกทำ Portfolio เป็นหนังสือเล่มหนึ่ง ชื่อว่า Once in Chicago หนังสือที่บอกเล่าเรื่องราวการใช้ชีวิตของเราที่ชิคาโก ประสบการณ์การใช้ชีวิตต่างแดนครั้งแรก การได้รู้จักกับคำว่า “ฤดู” จริงๆ โดยที่รูปทุกรูปนั้นถ่ายผ่านกล้องมือถือและใช้ระยะเวลาในการเก็บรวบรวมประมาณ 1 ปี แล้วนำมาเรียบเรียงลงหนังสือ

ผลงานที่พอจะเป็นชิ้นเป็นอันของเราเอง นอกจากงานเรียนก็มีงานรับจ๊อบทำเมนูให้ร้านอาหาร รายได้ก็พอจะจ่ายค่าเรียนวิชานี้ได้ล่ะ

วิวจากชั้น 12 ตึก the Michigan ตั้งอยู่ที่ 112 S. Michigan Ave. เป็นวิวที่สุดยอดมาก สามารถมองเห็นทะเลสาบมิชิแกนที่อยู่ไกลลิบๆได้ สวยสุดยอดไปเลย ส่วนตึกที่เห็นทางขวาก็เป็นตึกเรียนอีกตึกหนึ่งของ SAIC

ห้องที่เราแอบถ่ายรูปมานี้จริงๆเป็นห้องสำหรับทำงานและสามารถปริ๊นท์งานได้ ซึ่งการจะใช้งานห้องนี้ก็ต้องพกบัตรนักศึกษาที่เป็นเสมือนคีย์การ์ดมาด้วย และถ้าอยากปริ๊นท์งานก็ต้องเติมเงินลงไปที่รหัสของเราก่อนจากนั้นจึงจะสั่งปริ๊นท์ได้

 

สรุป

หลักสูตรและวิชาที่ให้เรียนสำหรับโปรแกรมนี้จะเป็นความรู้พื้นฐาน มีทั้งวิชาที่ต้องฟัง จดบันทึก และวิชาที่สอนการใช้โปรแกรม ดูแล้วน่าสนใจสำหรับคนที่ไม่เคยเรียนด้านการออกแบบมาก่อนแต่มีใจรัก สถานที่ที่ใช้เรียนก็ดี คนไม่พลุกพล่านมาก จำนวนนักเรียนในห้องมีไม่เกิน 20 คน อาจารย์จึงค่อนข้างมีเวลาดูแลนักเรียนได้อย่างเต็มที่ เพื่อนที่เรียนจะเป็นชาวชิคาโกอยู่แล้วไม่ใช่นักเรียนต่างชาติแบบเรา และมีสัดส่วนผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย จริงๆถ้ามีเวลาเราก็อยากเรียนวิชาอื่นเพิ่มเติมด้วย เพราะมีอีกหลายวิชาที่ดูน่าสนใจ อย่างเช่น Typography, Web Design ใครที่มาเรียนภาษาแล้วอยากจะได้วิชาอื่นติดตัวกลับบ้านไปด้วยเราขอแนะนำที่นี่เลย เราว่ามันดีมากๆ

 

ข้อมูลการเรียนที่ SAIC

ระยะเวลาในการเรียนต่อวิชา : คาบละ 3 ชม. สัปดาห์ละ 1 วัน ใช้เวลาเรียนทั้งสิ้น 10 สัปดาห์

การแบ่งภาคการเรียน : 4 ภาคต่อปี แบ่งเป็นช่วง Winter, Spring, Summer, Fall

ปล.1 ถ้าใครเป็นสมาชิกรายปีที่พิพิธภัณฑ์ the Art Institute of Chicago ค่าเรียนต่อวิชาจาก $585 จะเหลือเพียง $527 เท่านั้น

ปล.2 เนื่องจากว่าหลักสูตรนี้มีไว้สำหรับผู้ใหญ่ หรือคนที่ทำงานแล้ว เวลาเรียนจึงอยู่ในช่วงเย็นของวันธรรมดา และวันเสาร์ อาทิตย์เต็มวัน

ทางไปดูข้อมูลโรงเรียนและคอร์สเรียน >>> School of the Art Institute of Chicago

รายละเอียดของนักศึกษาต่างชาติที่อยากลงเรียนโปรแกรม Continuing Studies >>> International Student

 

Napat K.

Graphic Designer | Web Designer | Writer
ชอบศึกษางานออกแบบสวยๆ อินสุดๆกับการถ่ายภาพแบบสแน็ปช็อตและชอบการท่องเที่ยวเป็นชีวิตจิตใจ
No Comments

Sorry, the comment form is closed at this time.