10 Oct ตามหาใบไม้เปลี่ยนสี ความบริสุทธิ์ และความสุขที่ Michigan
เมื่อเพื่อนออกปากชวนไป Roadtrip ดูใบไม้เปลี่ยนสีที่ Michigan กัน รัฐที่ขึ้นชื่อในเรื่องธรรมชาติอันสวยงาม เราก็ไม่รอช้ารีบตกปากรับคำในทันที เพื่อนบอกแค่ว่าพกเสื้อหนาวไปเยอะหน่อยนะ เราจะไปแคมป์ปิ้งกัน นอนเต็นท์ดูดาว แล้วก็เที่ยวรอบๆตามจุดสำคัญต่างๆ โดยที่ทริปนี้เราจะใช้เวลากัน 2 วัน 2 คืน ออกเดินทางกันตอนคืนวันศุกร์ไปถึงเช้าตรู่ของวันเสาร์และกลับถึงบ้านที่ชิคาโกในวันอาทิตย์ช่วงเย็น
เราเดินทางกันทั้งคืนจากชิคาโกวิ่งอ้อมไปตามถนนไฮเวย์เลียบชายฝั่งทะเลสาบมิชิแกน มุ่งหน้าเข้าสู่รัฐมิชิแกนที่ทางตอนบนเต็มไปด้วยธรรมชาติอันบริสุทธิ์และงดงาม ระหว่างทางที่ไปเนื่องจากว่ามันเป็นตอนกลางคืน เราจึงไม่เห็นอะไรเลยนอกจากถนนและความมืดมิด อากาศข้างนอกเริ่มเย็นในรถจึงต้องเปิดฮีทเตอร์ให้ความอบอุ่นไปด้วยตลอดทาง เมื่อขับรถไปเกือบ 6 ชั่วโมงถึงเวลาใกล้รุ่ง และแล้วก็มาถึงจุดหมายแรก ประภาคารริมทะเลสาบมิชิแกนที่มีชื่อว่าPoint Betsie Lighthouse
ภาพแรกที่เห็นคือ ท้องฟ้าสลัวๆในยามเช้า เริ่มมีแสงแดดรำไรทอลงบนก้อนเมฆ ด้านหน้าคือทะเลสาบที่อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลเรานี่เอง พอเปิดประตูก้าวขาลงจากรถเพื่อไปเก็บภาพก็พบว่าอากาศหนาวมากกกก เหลือเพียง 5 องศาเซลเซียส เรารีบขึ้นรถและใส่เสื้อผ้าให้หนาขึ้นทันที ยิ่งเป็นบริเวณริมชายหาดจะหนาวเป็นพิเศษเพราะมีลมพัดเย็นมากๆพัดผ่านมาอย่างต่อเนื่อง เมื่อแต่งตัวพร้อมสำหรับฤดูใบไม้ผลิแล้วก็ลงมาด้วยความมั่นใจ มองดูบรรยากาศรอบๆให้ชัดเจนอีกครั้ง แล้วก็ได้เจอกับประภาคารแสนสวย ที่หน้าตาคล้ายบ้านคนให้อารมณ์แบบโคซี่ตามในหนังฝรั่ง มีหลังคาสีแดง ตัดกับตัวอาคารสีขาว พร้อมกับฉากหลังที่เป็นท้องฟ้าและต้นไม้แห้งผลัดใบเตรียมพร้อมรับฤดูหนาว ทุกอย่างเหมือนภาพวาด ประทับใจในโมเม้นนี้มาก
เราเดินไปชมชายหาดยามเช้า ถ่ายรูปกับทุ่งหญ้าแห้งที่ให้อารมณ์แบบติสๆ เหงาๆ อย่างบอกไม่ถูก กดถ่ายไปหลายรูปแต่ก็ไม่เจอภาพที่ถูกใจ จนคิดว่าพอดีกว่า เปลี่ยนเป็นไปเดินเล่นบริเวณอื่นบ้าง หลังจากชื่นชมบรรยากาศบริเวณนั้นและลองพยายามถ่ายภาพอีกครั้งจนในที่สุดก็ได้ภาพนี้มาครอง จากนั้นไม่นานก็ถึงเวลาที่ต้องบอกลาสถานที่แห่งนี้ เพื่อนก็ขับรถไปยังจุดชมธรรมชาติต่อไป
จากเส้นทางไปยังอีกจุดหนึ่งเต็มไปด้วยต้นไม้หนาแน่นสองข้างทาง ที่สำคัญคือเค้าเริ่มมีการเปลี่ยนสี บางต้นก็มีใบไม้ร่วงหล่นอยู่ตามพื้นบ้างประปราย ทำให้รู้สึกใจชื้นขึ้นมาว่า เออ ได้เห็นใบไม้เปลี่ยนสีแล้วนะถึงจะยังไม่เยอะแต่ก็ดีกว่าไม่เจอเลย เพื่อนก็บอกว่าเราคงมาเร็วไปนิดนึง ถ้ามาหลังจากนี้ซักสองอาทิตย์ น่าจะได้เห็นใบไม้เปลี่ยนสีกันเต็มที่ทั้งเมืองแน่
ที่หมายต่อไปคือจุดชมวิวบนเนินเขา เป็นเส้นทางที่มีชื่อว่า Pierce Stocking Scenic Drive เราสามารถเห็นวิวจากมุมสูงที่มองออกมาจะเห็นทั้งต้นไม้สไตล์ฤดูใบไม้ร่วงที่เป็นสีออกส้ม เหลือง ทะเลสาบสีฟ้าสดใส และวิวท้องฟ้า ประกอบกับลมเย็นๆ ให้ความรู้สึกสดชื่นไปถึงข้างใน
บรรยากาศในรัฐนี้เต็มไปด้วยต้นไม้อันหนาแน่น มีพื้นที่ไร่ให้เห็นโดยทั่ว มีทะเลสาบที่ไม่ว่าจะขับรถผ่านไปมุมไหนก็เจอ อยากจะเก็บช่วงเวลานี้ไว้นานๆจัง
สถานที่ถัดไปคือ Sleeping Bear Dune National Lakeshore เป็นพื้นที่เนินทะเลทรายชายฝั่งทะเลสาบมิชิแกน เป็นครั้งแรกที่เราได้เจอทะเลทรายของจริง ที่เห็นตรงนี้คือมันไม่เล็กเลย กว่าจะปีนขึ้นเนินไปด้านบนได้ก็เล่นเอาเหนื่อยเหมือนกัน พอมองจากด้านบนลงมาก็เห็นวิวต้นไม้เปลี่ยนสีที่อยู่ด้านล่าง ทะเลสาบสีฟ้าสดใสและท้องฟ้าที่มีก้อนเมฆปุยๆอยู่บนนั้น สดชื่นดีแท้ หายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้ง
เราเดินกันไปถ่ายรูปไปเกือบ 20 นาที ถ้าได้เดินไปจนถึงสุดชายฝั่งก็คงจะได้เจอกับทะเลสาบมิชิแกน แต่ด้วยความที่เราเหนื่อย ไม่รู้ว่าต้องเดินอีกไกลแค่ไหนกว่าจะถึงชายฝั่ง หนทางข้างหน้าก็ไม่เห็นอะไรเลยนอกจากทะเลทราย ตอนนั้นเกิดความคิดว่าถ้าเดินลึกเข้าไปแล้วเราหลงท่ามกลางความเวิ้งว้างนี้แล้วหาทางกลับออกมาไม่ได้ล่ะจะทำอย่างไร เราจะต้องตายกลางทะเลทรายเนี่ยนะ อายเค้าแย่เลย เราเลยสะกิดเพื่อนรัก แกๆ เดินกลับกันเถอะ ไปที่ต่อไปกันดีกว่า ซึ่งเพื่อนก็ยอมตามใจเรา แต่พอมาตอนนี้นึกย้อนกลับไปก็รู้สึกเสียดายมากเหมือนกันที่อยู่ๆก็ทิ้งจุดหมายอันสวยสดงดงามไว้กลางทางอย่างนั้น
ระหว่างทางที่เรากำลังไปยังจุดหมายต่อไปเราก็ได้เจอกับถนนที่มีต้นไม้ใบไม้สีแดงยืนเรียงให้การต้อนรับนักท่องเที่ยวที่ผ่านมาในบริเวณนี้ เราและเพื่อนดีใจมากที่ในที่สุดการตามล่าหาใบไม้เปลี่ยนสี ณ มิชิแกน ก็ได้เจอแล้ว เรารีบขอจอดรถด่วน เพื่อจะลงไปเก็บภาพบรรยากาศ มันดีจริงๆนะเออ สักพักรถที่ขับตามมาด้านหลังก็จอดรถ ลงมาถ่ายรูปเล่นกันบ้าง
ที่ต่อไปเป็นประภาคารอีกแห่งหนึ่งชื่อว่า Grand Traverse Lighthouse ไม่ต้องงว่าทำไมมิชิแกนถึงมีประภาคารเยอะจัง เพราะที่นี่เป็นรัฐที่อยู่ติดชายฝั่งทะเลสาบขนาดใหญ่ จึงทำให้ต้องมีประภาคารประจำตามแต่ละช่วงของรัฐเป็นระยะๆ นอกจากนั้นประภาคารที่นี่ก็จะมีหน้าตาที่ไม่เหมือนกันเลย เราเคยเข้าใจว่าประภาคารต้องเป็นตึกทรงกระบอกสูงๆเท่านั้น แต่ประภาคารบริเวณนี้กลับมีหน้าตาคล้ายบ้านพักตากอากาศ มีชั้นที่สามทำเป็นหอสูงขึ้นมาใช้สำหรับการสำรวจชายฝั่ง ที่ประภาคารแห่งนี้ด้านในทำเป็นพิพิธภัณฑ์ให้คนเข้ามาเยี่ยมชม ซึ่งก็มีครอบครัวพ่อแม่ลูกต่างพากันมาหาความรู้สนุกๆกันเต็มไปหมด
ตามหาใบไม้เปลี่ยนสีกันต่อที่ >>> Camping in Michigan
Michigan
Napat K.
ชอบศึกษางานออกแบบสวยๆ อินสุดๆกับการถ่ายภาพแบบสแน็ปช็อตและชอบการท่องเที่ยวเป็นชีวิตจิตใจ
Latest posts by Napat K. (see all)
- เสพย์งานศิลป์ที่ The Art Institute of Chicago - 09/11/2017
- Nature and the city in Michigan - 21/10/2017
- Camping in Michigan - 14/10/2017
Sorry, the comment form is closed at this time.