ดีไซน์ในนิวยอร์ก ในพิพิธภัณฑ์ Cooper Hewitt, Smithsonian รวบรวมงานดีไซน์เก๋ๆ
1024
post-template-default,single,single-post,postid-1024,single-format-standard,ajax_fade,page_not_loaded,,qode_grid_1300,vss_responsive_adv,footer_responsive_adv,qode-content-sidebar-responsive,columns-4,qode-child-theme-ver-1.0.0,qode-theme-ver-10.1.1,wpb-js-composer js-comp-ver-5.0.1,vc_responsive

Cooper Hewitt, Smithsonian Design Museum Part II, NYC

เราจะพาชมพิพิธภัณฑ์งาน ดีไซน์ในนิวยอร์ก กันต่อ หลังจากที่ได้เดินชมจนทั่วชั้น 1 ของพิพิธภัณฑ์ Cooper Hewitt, Smithsonian Design Museum เราจะไปต่อที่ชั้น 2 และ 3 ซึ่งเค้าได้รวบรวมผลงานการออกแบบผลิตภัณฑ์ และงานออกแบบสถาปัตยกรรมกันเอาไว้ให้ศึกษาข้อมูลอย่างมากมาย

เราจะมาพาเพื่อนๆเดินขึ้นบันไดเพื่อมาชมเรื่องราวของประวัติการออกแบบผลิตภัณฑ์ที่ชั้น 2 กันก่อนละกัน ตามมาทางนี้เลยจ้า

ใครไม่ทันพาร์ทแรกตามมาดูที่นี่ได้จ้า >>> Design Museum Part I

งานออกแบบผลิตภัณฑ์

โมเดลขนาดย่อเก้าอี้จำลองสีขาวในตำนานที่ได้แรงบันดาลใจมาจากเงาของร่มไม้

โต๊ะแบบดิจิตอล

โต๊ะนี้ที่เราพูดถึงอยู่ในพาร์ทแรกของพิพิธภัณฑ์ Cooper Hewitt ซึ่งปากกาด้ามนั้นที่ทุกคนถืออยู่ก็ใช้สำหรับการขีดเขียนวาดรูป ใช้แทนเมาส์ในการเลือกดูข้อมูลที่แสดงบนหน้าจอ และยังสามารถเก็บข้อมูลส่งขึ้นไปยังระบบออนไลน์บนเว็บไซท์ได้อีกด้วย ซึ่งโต๊ะตัวนี้ก็ทำหน้าที่เหมือนจอคอมพิวเตอร์ระบบสัมผัสนั่นเอง เก๋ไก๋มาก เราชอบสุดๆเลย

อยากรู้วิธีใช้อย่างละเอียดก็ทางนี้เลย >>> Using Pen

ตัวอย่างงานเท็กซ์ไทล์ในแบบของออริกามิ หรือการพับกระดาษแบบญี่ปุ่นนั่นเอง

รูปทรงที่เกิดจากการโครงสร้างการพับกระดาษ ที่สามารถพับแบนได้ และอีกชิ้นด้านในคือตัวอย่างโมเดลเก้าอี้ที่สร้างจากเหล็กเส้นสีดำซึ่งเพียงแค่การใช้เส้นขึ้นรูปก็สามารถสร้างมิติใหม่ๆของตัวผลิตภัณฑ์ขึ้นมาได้

เชิงเทียนสีเงินทางด้านซ้ายสุดของภาพ เป็นผลงานการออกแบบผลิตภัณฑ์ในยุคเก่าก่อนที่มีให้เห็นตามหนังสือประวัติศาสตร์ของวงการการออกแบบ เรารู้สึกคุ้นกับสิ่งนี้มาก พอนึกๆอีกทีก็คิดออกแล้วว่า เราเคยใช้ปากกาดำในการวาดเลียนแบบภาพเชิงเทียนชิ้นนี้ตามในหนังสือตอนที่เรียนวิชา Re Model เพื่อเรียนรู้เรื่องแสงและเงาตลอดจนวิธีการทำภาพให้เหมือนของจริงมากที่สุดนั่นเอง

นอกจากนี้ยังมีกาน้ำร้อนที่ทำจากเซรามิคสีขาวตรงกลางภาพ และกาน้ำร้อนที่ทำจากอะลูมิเนียมทางด้านซ้ายสุด ซึ่งจะเห็นได้ว่ากาน้ำเหล่านี้มีรูปทรงที่แตกต่างออกไปจากแบบเดิมๆที่เคยมีมาในสมัยนั้น และถูกออกแบบให้มีความสวยงามและง่ายต่อการใช้งานมากขึ้น

ส่วนด้านบนที่เห็นคือชุดกิโมโนของชาวญี่ปุ่นที่จัดแสดงไว้เพื่อนำเสนอในเรื่องของเส้นและสีรวมไปถึงงานออกแบบลายผ้าด้วย

เรื่องของเส้น

เส้นคือเครื่องมือทางความคิด เป็นตัวช่วยให้นักออกแบบมีมุมมองต่อภาพร่างและตัวตนของผลงาน เส้นนี้สามารถเป็นได้ทั้งเส้นตรง เส้นโค้ง แบบของแข็งและแบบของเหลว ซึ่งเส้นเหล่านี้เกิดขึ้นได้จากการเชื่อมจุดเพียงสองจุดเท่านั้น เส้นสามารถสร้างได้ทั้งแบบภาพแพทเทิร์น ลักษณะผิวสัมผัส การเคลื่อนไหว และพื้นที่ว่าง ซึ่งนอกจากการสร้างเส้นแบบ 2 มิติแบนๆแล้ว เส้นเหล่านี้ยังสามารถสร้างให้เป็นรูปแบบที่มีมวลในลักษณะของเส้นแบบ 3 มิติ สามารถจับต้องได้อีกด้วย ดังเช่นตัวอย่างงานลายเส้นที่เป็นเหมือนงานแกะสลักในภาพ จะเห็นได้ว่าเพียงแค่เรื่องของเส้นก็สามารถกลายเป็นจุดกำเนิดของรูปทรงในงานออกแบบได้อย่างไม่มีที่สิ้นสุด

งานออกแบบสถาปัตยกรรม

มากันที่ชั้น 3 ที่บริเวณชั้นนี้จะเก็บรวบรวมเรื่องราวเกี่ยวกับการออกแบบสถาปัตยกรรม ซึ่งบางผลงานก็เป็นแค่โปรเจ็กต์ที่ยังไม่ได้สร้าง บางผลงานก็กำลังดำเนินการสร้างอยู่ ซึ่งแต่ละงานนั้นรับรองเลยว่าดีสุดๆ เพราะจุดประสงค์หลักของงานออกแบบสถาปัตยกรรมเหล่านี้นั้นเป็นการทำเพื่อสาธารณะประโยชน์

ตัวอย่างในภาพนี้คือโครงการสร้างสะพานข้ามแม่น้ำที่ไม่ใช่เพียงแค่สะพานธรรมดา แต่ยังใส่ความสวยงามทางด้านภูมิทัศน์อย่างต้นไม้สีเขียวลงไปด้วย ที่นี่จึงเป็นได้ทั้งสะพานและสวนสาธารณะไปพร้อมๆกัน เพื่อให้คนสามารถใช้พื้นที่นี้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด

ส่วนใหญ่แล้วเกือบทุกโครงการจะมีทั้งภาพบรรยากาศตอนที่สร้างเสร็จและมีโมเดลขนาดย่อส่วนเพื่อให้คนที่มาชมได้สัมผัสถึงความงามที่ใกล้เคียงกับของจริงและสัมผัสได้ถึงมิติของตัวงานสถาปัตยกรรม

โมเดลย่อส่วนของงานออกแบบสถาปัตยกรรมที่ตั้งใจทำเป็นโดมแก้วเอาไว้ใช้สำหรับการปลูกต้นไม้ในพื้นที่ที่สามารถคุมอุณหภูมิและให้แสงสว่างได้

ดีไซน์ในนิวยอร์ก

โมเดลจำลองโครงสร้างตัวสะพานที่สามารถกางออกเพื่อใช้งานและม้วนเก็บเป็นทรงแปดเหลี่ยมในยามที่ต้องการให้เรือแล่นผ่านแม่น้ำได้

และสุดท้ายนี้คือแผนผังที่บอกประวัติความเป็นมาของพิพิธภัณฑ์แห่งนี้เริ่มมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1846 สภาของสหรัฐอเมริกาได้มีการอนุมัติให้ก่อตั้งสถาบัน Smithsonian ขึ้น มีประวัติพัฒนาการเรื่อยมาจนถึงปี ค.ศ. 1988 พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ก็ได้เปลี่ยนชื่อเป็น Cooper Hewitt พิพิธภัณฑ์การออกแบบแห่งชาติ

หลังจากได้เดินดูประวัติศาสตร์การออกแบบจนครบทุกชั้น ทุกแขนงแล้วก็รู้สึกเหมือนได้เติมเต็มความรู้เมื่อสมัยที่เรียนในมหาวิทยาลัย หลายๆผลงานเราเคยเห็นผ่านตาจากในหนังสือที่รวมเป็นเล่มเอาไว้ แต่ ณ ที่แห่งนี้เราได้เห็นทั้งของจริงและบางชิ้นก็เป็นโมเดลขนาดย่อส่วน ที่ทำให้เราเห็นภาพและเข้าใจในตัวชิ้นงานเหล่านั้นมากขึ้น เข้าใจที่มาที่ไป เข้าใจถึงความพยายามและแนวคิดของเหล่านักออกแบบที่สร้างสรรค์ผลงานเหล่านั้นไว้ให้กับโลกใบนี้ ซึ่งไม่ได้มีเพียงแค่ผลงานของฝั่งตะวันตกเท่านั้น แต่มันยังมีผลงานของฝั่งเอเชียอย่างญี่ปุ่นและจีนอีกด้วย

ที่เราเอามาให้ดูเป็นแค่ตัวอย่างเพียงบางส่วนเท่านั้น ที่นี่ยังมีข้อมูลอีกเยอะแยะมากมายให้เราได้มาลองศึกษากัน ถ้าใครพอมีเวลาอย่างน้อยซัก 3 ชั่วโมงลองแวะมาเยี่ยมชมที่นี่กันดูรับรองว่าโลกแห่งงานดีไซน์ของคุณจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป

 

ที่ตั้ง :  Upper East Side’s Museum Mile in Manhattan, New York City.

เวลาทำการ : 10 am- 6 pm

รายละเอียดเพิ่มเติม >>> https://www.cooperhewitt.org/

ถ้าใครอยากอ่านบทความดีๆจากพิพิธภัณฑ์งาน ดีไซน์ในนิวยอร์ก แห่งนี้ก็ตามมาทางนี้เลยจ้า >>> Design Blog

นอกจากเรื่องราวในเมืองนิวยอร์กแล้ว เราก็ยังมีเรื่องราวของเมืองอื่นใน อเมริกา อย่าง ชิคาโก และ ซานฟรานซิสโก ให้เลือกอ่านเพิ่มเติม ได้ทั้งความรู้และความสนุกด้วยนะ

Napat K.

Graphic Designer | Web Designer | Writer
ชอบศึกษางานออกแบบสวยๆ อินสุดๆกับการถ่ายภาพแบบสแน็ปช็อตและชอบการท่องเที่ยวเป็นชีวิตจิตใจ
No Comments

Sorry, the comment form is closed at this time.